Thursday, July 9, 2015

กาสิโน
ธนรัตน์ ยงวานิชจิต
dhanarat333@gmail.com

"เงิน" คือปัจจัยจำเป็นในการครองชีพ แต่จำเป็นถึงเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น คือ ระดับ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ค่านิยมต่างชาติ" ได้ยึดไทยเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมมานาน ส่งผลให้คนไทยจำนวนมาก ละทิ้งค่านิยมทาง "จิตนิยม" ที่มีรากฐานมาจาก "พระพุทธศาสนา" หันไปยึด "วัตถุเงินทองอำนาจ" หรือ "สิ่งนอกกาย" อย่างกว้างขวาง ฝังรากอยู่ลึก ลึกจน "เงินทอง" กลายเป็น "พระเจ้าแห่งสิ่งนอกกาย" สำหรับบูชา อย่างชาวกรีกเมื่อ 3,600 ปีก่อน ที่มี "เทพเจ้าเซอุส" เป็น "เทพแห่งท้องฟ้า กฎระเบียบ ชอบธรรม" สำหรับบูชา

ไทยจึงมีสาวก "ลัทธิสัตว์เศรษฐกิจ" อยู่ดาษดื่น ซึ่งมี "ความอิ่มหมีพีมัน" ในเงินทองตั้งแต่ระดับ "แสนล้านบาท" ลงมา แต่สาวกลัทธิอุบาทว์นี้ไม่มีสิทธิ์ติดรายชื่ออภิมหาเศรษฐีโลกในนิตยสารฟอร์บส์โด่งดัง เพราะเป็นผู้ได้เงินมาด้วยอำนาจทางการเมือง และเป็นเงินที่ไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดกโดยชอบธรรม คือ เป็นเงินที่ต้องคืนให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินโดยชอบ

กระนั้นก็ตาม สาวกลัทธิอุบาทว์นี้ก็ยังพยายามหาทางเพิ่มพูน "เงินทอง" ให้กับตัวเองอย่างไม่รู้จักพอเพียง โดยได้เสนอในสภาปฏิรูปแห่งชาติ ให้ออกกฎหมายรับรองการตั้งบ่อนพนัน "กาสิโน" ซึ่งไม่อำนวยผลดีต่อสังคมเศรษฐกิจเลย แถมมีเจ้ามือเครื่องมืออุปกรณ์ครบครันพร้อมสำหรับโกงกินเงินคนไทย ถ่ายเทเข้ากระเป๋าส่วนตัวต่อไป

เหตุผลที่สาวกลัทธิอุบาทว์ยกขึ้นอ้างแบบไร้เดียงสา คือ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเงินไทยสู่ต่างประเทศที่มี "กาสิโน" บริการคนไทยที่ข้ามเขตแดนไปเล่นพนันกันนับล้านบาทต่อปี

แล้วหากชาวต่างด้าวแห่กันมาร่วมวงไพบูลย์ เปิด "กาสิโน" ในไทย เงินไทยจะอยู่ในไทยได้อย่างไร?

เหตุผลที่ว่า บ่อนพนันสร้างงานกับเศรษฐกิจนั้น ก็ไม่จริง เพราะธุรกิจเดิมที่ตั้งอยู่รอบๆ บ่อนสร้างใหม่ ลงเอยก็ต้องล้มละลายไป เนื่องจากลูกค้าเดิมต่างหันไปจับจ่ายที่บ่อนหมด ส่วนเงินภาษีอากรจากบ่อนจะตรงกับกำไรแท้จริงเพียงใด ก็มีแต่เจ้าของบ่อนเท่านั้นที่รู้

นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจชาติบ้านเมือง ย่อมพิสูจน์ได้ว่า "กาสิโน" มี "ข้อเสีย" มากกว่า "ข้อดี" อย่างแน่นอน

ดร.พอล แซมมวลซัน นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลอัน ทรงเกียรติ สรุปไว้ว่า "การพนันเป็นเพียงการถ่ายเทเงินระหว่างบุคคลแบบไม่มีอะไรงอกเงย ไม่มีเงินจากแหล่งใหม่เข้ามา..มีแต่ดูดซับเวลาและทรัพยากร..ตัดทอนรายได้ของชาติ"

ในระดับบุคคล บ่อนในและนอก "กาสิโน" ล้วนมุ่งโกงเงินของแฟนพนันกันทั้งนั้น เดวิด ไอเมอร์ มีรายงานน่าสนใจจากเฉนหยาง ประเทศจีน ผ่านเดอะเทเลกราฟ 24 มิถุนายน 2558 เกี่ยวกับเซียนพนันชื่อนายมา และแฟนพนันชื่อนายหวัง (นามสมมติหมด)

นายมาเคยเป็นเจ้ามือไพ่เร่ร่อน แอบเล่นพนันอยู่ในอาคารห้องชุดตามเมืองต่างๆ เพราะรัฐบาลจีนมีกฎหมายกำหนดให้ "กาสิโน" เป็น "กิจการผิดกฎหมาย" และ "ปีศาจชั่วร้าย" เขามีพรสวรรค์ในการแจกไพ่ให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ โยนลูกเต๋าให้กลิ้งแบบจับวาง และเล่นไพ่นกกระจอกให้ชนะได้เสมอ บางครั้งก็แอบสวม "เลนส์สัมผัส" สั่งทำพิเศษ ช่วยให้มองเห็น "ตำหนิ" บนไพ่ที่สั่งทำสำรับละ 1,000 หยวน (1 : 5.45 บาท) เคยชนะไพ่ได้เงินถึง 780,000 หยวนในหนึ่งชั่วโมง แม้เคยเตือนผู้คนว่า เจ้ามือ 90% ในบ่อน โกงท่าเดียว ก็ไม่มีใครเชื่อ จนได้เห็นตนสาธิตให้ดูสดๆ ว่า โกงได้ง่ายขนาดไหน

ส่วนนายหวังสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นชนชั้นกลางในปี 2547 มีภรรยาสุดที่รักและลูกชายอ่อนวัยหนึ่งคน จากนั้น ก็เริ่มเล่นไพ่แบล็กแจ็ก แล้วติดไพ่นี้จนหมดตัวไป 1.7 ล้านหยวนในสองปี เคยหมดไป 200,000 หยวนในหนึ่งคืน เงิน 2 ล้านหยวนที่เก็บมา 7 ปี เสียให้กับการพนันไปเกือบหมด จนเหลือเงินไม่พอสั่งซื้อสินค้ามาขาย ลูกค้าที่เคยมีก็หดหายไป ในที่สุด ภรรยาพาลูกชายแยกจากไปอยู่กับพ่อแม่เธอ

เมื่อเห็นนายมาสาธิตกลโกงให้ดูแล้ว นายหวังถึงกับร้องขึ้นว่า มิน่าเล่า เห็นมีเจ้ามือสองสามคนที่ไม่เคยเสียเงิน แต่ตัวเองเสียเงินตลอด แล้วปฏิญาณตนจะไม่เล่นพนันอีก

ในระดับสังคม เมื่อปี 2554 นายเอิร์ล กริโนลส์ รายงานไว้กับศูนย์จริยธรรมคริสเตียน มหาวิทยาลัยเบเลอร์ สหรัฐ ว่า การพนันก่อให้เกิดความเสียหายทางสังคม 9 ข้อ คือ
  1. อาชญากรรม : ปลอมแปลงเอกสาร ฉ้อฉล โจรกรรมการค้า
  2. การจ้างงาน : เสียผลิตภาพและเวลาทำงาน สรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมใหม่
  3. การล้มละลาย : เสียทรัพยากรทางกฎหมายและอื่นๆ
  4. การฆ่าตัวตาย : เสียชีวิตของแฟนพนันที่ท้อแท้สิ้นหวัง กระทบต่อครอบครัวและสังคม
  5. การเจ็บป่วยจากติดพนัน : เค้นเครียด วิตกกังวล โรคหัวใจกับหลอดเลือด โรคซึมเศร้า โรคเรียนรู้เสื่อม
  6. การสังคมสงเคราะห์ : ค้ำจุนการตกงาน รักษาพยาบาล และใช้ จ่ายอื่นๆ
  7. การรักษากฎหมาย : ควบคุมการพนันกับอุตสาหกรรมพนัน
  8. ครอบครัว : ทะเลาะวิวาท แตกแยก หย่าร้าง ละเมิดละเลยเด็กๆ ในครอบครัว
  9. เงินมิชอบ : ได้มามิชอบ ขโมยมา ไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ 

ทั้งนี้ เดวิดได้แสดงตัวเลขบ่งบอกค่าเสียหายในแต่ละข้อด้วย โดยสรุปว่า คนติดพนันหนึ่งคนจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อสังคมราว 9,393 เหรียญต่อปี (1 : 32 บาท)

คนติดพนันได้อย่างไร?

องค์กรช่วยเหลือคนติดพนัน คานาดา เปิดเว็บไซต์ชี้แนะไว้ว่า คนติดพนันเมื่อตกอยู่ใน "ภาวะจิต" ดังนี้

มีมายาคติว่าตนกำกับจังหวะโชคลาภได้ ละเมอว่าตนกำลังใช้ฝีมือสติปัญญาเล่นพนันอยู่ แต่จังหวะโชคลาภมีช่องทางเดินที่ไม่เข้าข้างออกข้างผู้ใด ไม่ตามใจผู้ใด

หลงใหลเสน่หาเงินรางวัล การพนันก่อให้เกิดความรู้สึกดี-ชอบ ทุกคนชอบชนะพนัน จำจังหวะชนะได้นานกว่าแพ้ บางคนชนะตอนแรกเริ่ม เลยหลงเชื่อว่าการพนันคือเส้นทางสู่การเป็นเศรษฐี

ผีพนันครอบงำ แฟนพนันมือใหม่มักชนะได้เงินในช่วงแรก จึงหลงผิดว่าตนเป็นคนมีโชคลาภ เกิดแรงดลใจพนันไปเรื่อยๆ ชนะเมื่อใดก็ให้รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากที่จะรู้สึกเช่นนั้นอีก จึงเล่นพนันต่อไปเรื่อยทั้งที่แพ้ตลอด

โชคลาภจะกลับมา กลับพบเพียงโชคร้าย แต่ก็หยุดพนันไม่ได้ ด้วยหลงผิดว่า โชคลาภใหญ่จะกลับ ยิ่งแพ้ถี่ขึ้น ก็ยิ่งหลงผิดว่ากำลังขยับใกล้โชคลาภเข้าไปทุกที พฤติกรรมพนันจึงเป็นทางตัน มิใช่ทางออกสู่โชคลาภ

เมื่อตกอยู่ใน "ภาวะจิต" ดังกล่าว แฟนพนันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจาก "หนูติดจั่น" กลายเป็น "คนตายทั้งเป็น" ที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้ามือยอดนักโกงและอุปกรณ์การพนันที่ออกแบบมาให้เอาเปรียบแฟนพนัน ตลอดวันคืนอยู่ใน "กาสิโน" ที่เจ้าของบ่อนอุตส่าห์ลงทุนมหาศาลสร้างไว้ต้อนรับแฟนพนันเป็นอย่างดียิ่ง จะได้ไม่รีบหนีไปไหน

นอกจาก "ภาวะจิต" ดังกล่าวแล้ว แฟนพนันยังขยับตัวลุกขึ้นเดินออกจาก "กาสิโน" ไม่ได้ เพราะ "สมอง" ถูกพฤติกรรมเล่นพนันของตน "บงการจี้ปล้น" จน "สติแตก" ไปแล้ว

เบ็น ธอมัส ผู้ก่อตั้งองค์กรเดอะคอนเนคโทม อธิบายภาวะ "บงการจี้ปล้น" ไว้ในเว็บไซต์ว่า ณ ส่วนลึกเข้าไปในศีรษะคือที่ตั้งของสมองส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเกิดคลื่นกิจกรรมคึกคักทุกครั้งที่แฟนพนัน "คาดหมายล่วงหน้า" ว่าจะได้รับโชคลาภจากพนัน อาการคึกคักนี้เกิดขึ้นเพราะเซลล์ประสาทในสมองส่วนนี้ ขับสาร "โดปามีน" ออกมา ส่งผลให้เกิด "ความรู้สึกอภิรมย์หรรษาพาเพลิน" ดลใจให้แฟนพนันกล้าเสี่ยงเงินอย่างบ้าบิ่น โดยมิรู้ตัว จนสิ้นเนื้อประดาตัว นำพาตนเองกับครอบครัวสู่ "นรกบนดิน"

เบ็น ธอมัส แนะว่า เมื่อสมองถูก "บงการจี้ปล้น" อยู่ จงพยายามหาตัวเลขมาคำนวณเล่นๆ หรือเพ่งจิตไปที่ "ปัจจุบันกาล" โดยทำสมาธิแบบเรียบง่าย ให้รู้ลมหายใจเข้า-ออก ลึกๆ ช้าๆ เพื่อให้สมองส่วนหน้านำความจริงมาคิด จะได้มองเห็นความไร้เหตุผลในพฤติกรรมพนัน และหยุดเล่นพนันก่อนที่จะสายเกินไป

เฟอรริส จาบร์ รองบรรณาธิการใหญ่ วารสารไซแอนติฟิกอเมริกัน ได้นำชีวิตจริงของแฟนพนันคนหนึ่ง นามสมมติว่า เชอร์ลี มาเล่าเป็นอุทาหรณ์ ในวารสารฉบับ 15 ตุลาคม 2556 ดังนี้

เชอร์ลีเริ่มพนันเมื่ออายุราว 25 ปี จากการไปเที่ยวเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐ กับเพื่อนๆ อีกสิบปีต่อมา ในขณะประกอบอาชีพเป็นทนายความ เธอมีโอกาสไปเล่นพนันโดยลำพังบ่อยๆ ที่บ่อนใกล้เคียง เมื่ออายุได้ 40 ปี เธอเริ่มขาดงานสัปดาห์ละถึงสี่ครั้ง เพื่อไปเล่นพนันในบ่อนเปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง

ที่บ่อนใหม่นี้ เธอนิยมเล่นไพแบล็กแจ็กแทบจะล้วนๆ กล้าเสี่ยงเงินนับพันๆ เหรียญ ในแต่ละรอบ แล้วก็ต้องไปกระเสือกกระสนพลิกพรมในรถค้นหาเศษเหรียญจ่ายค่าผ่านด่านทางด่วน เธอหาเงินมาได้เท่าใดก็นำไปพนันจนหมด แถมเป็นหนี้มหึมา เป็นหนี้ติดเงิน
บัตรเครดิตหลายใบ เธอสารภาพว่า "ดิฉันต้องการพนันตลอดเวลา ชอบมากๆ ชอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะพนัน"

ในปี 2544 ศาลพิพากษาให้เธอมีความผิดฐานโกงเงินมหาศาลจากลูกค้าหลายราย และสั่งจำคุกทันที 2 ปี พฤติกรรมพนันของเธอจัดอยู่ในประเภท "เสพติดพนัน" อย่างเช่นคนที่ติดยาเสพติด สุรา หรือบุหรี่ ทั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานใหม่ของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งมีมติล่าสุดเมื่อพฤษภาคม 2556 ให้ "ผู้ติดพนัน" เข้าข่าย "โรคจิตเสพติดพนัน" เพราะเกิดจากแรงผลักดันทางชีววิทยาของโดปามีนดังกล่าว ซึ่งรุนแรงกว่า "ติดพนัน" จากแรงผลักดันทางจิตวิทยาอย่างเดียว ส่งผลให้การเยียวยาอาการ "เสพติดพนัน" ต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่หมด

สรุป : บ่อน "กาสิโน" คือศูนย์รวมของเจ้ามือยอดนักโกงและเครื่องมืออุปกรณ์พนันที่ออกแบบให้อำนวยความได้เปรียบต่อเจ้าของบ่อนลูกเดียว อย่างเช่นเกมพนันรูเล็ตต์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ได้คำนวณออกมานานแล้วว่า เจ้าของบ่อนมีแต่ "รวยกับรวย" เท่านั้น "กาสิโน" จึงเปรียบได้กับ "โรงฆ่าสัตว์" ดีๆ นั่นเอง ที่ติดเครื่องปรับอากาศ บริการเหล้ายาปลาปิ้ง พร้อมด้วยห้องนอนวิลิศมาหรา เพื่อแฟนพนันจะได้ไม่หนีไปไหน ผู้ชนะพนันแล้วเลิกได้ทันท่วงที ก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะใช้เงินชนะพนันมา ซื้อหาบริการในบ่อน คืนเงินให้บ่อน "เจ๊า" กันไป ส่วนผู้แพ้แล้วไม่เลิก ก็ "เจ๊ง" กลับบ้านไปนอนกอดทุกข์เช็ดน้ำตาต่อไป

สังเกตได้ว่า ในขณะเดินเข้าบ่อน แฟนพนันจำนวนมากมีอาการรื่นเริง แต่ในขณะเดินออกจากบ่อน กลับมีสีหน้าหม่นหมองปนความหวังว่าจะได้กลับเข้าไปพนันอีกทันทีที่หาเงินมาได้อีก แบบ "หนูติดจั่น" ที่ขยันหาเงินช่วยสร้างบำรุงบ่อนพนันให้ฟรีๆ โดยไม่คิดค่าเวลา ค่าแรง ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าแตกแยกหย่าร้างในครอบครัว ค่าหมอ ค่ายา ตลอดจนค่าติดคุกหลังละเมิดกฎหมายเพื่อหาเงินไปส่งส่วยให้บ่อน

เมื่อ "กาสิโน" ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ มีแต่โทษมหันต์ต่อสังคมแล้ว ใครยังอยากให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย เอาชีวิตกับอนาคตที่ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ไปทิ้งให้กับบ่อน ก็เชิญยุยงให้ตั้ง "กาสิโน" ทั่วไทยไปเลย.

No comments:

Post a Comment